เทรนด์จ้างงาน 66 เจ้าของธุรกิจฮิตจ้าง บัณฑิตป้ายแดง-คนรุ่นใหม่

เทรนด์จ้างงาน 66 เจ้าของธุรกิจฮิตจ้าง บัณฑิตป้ายแดง-คนรุ่นใหม่

ดร.วริศ ลิ้มลาวัลย์ อาจารย์วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) เปิดเผยว่า เทรนด์การจ้างงานที่เปลี่ยนไปในปี 2566 ข้อมูลจาก JobsDB แพลตฟอร์มจัดหางานซึ่งได้เปิดเผยผลสำรวจเกี่ยวกับแนวโน้มการจ้างงานปี 2565-2566 พบว่า สถานการณ์การจ้างงานเริ่มกลับมาคึกคักขึ้นหลังผู้คนกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ โดยปัจจุบัน 48% ขององค์กรขนาดใหญ่ที่มีพนักงานมากกว่า 160 คน เริ่มกลับมาจ้างงาน และต้องการพนักงานแบบเต็มเวลามากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19

โดยข้อมูลการจ้างงานในรอบปีที่ผ่านมา พบว่า 7 ใน 10 ของบริษัทขนาดใหญ่ จ้างนักศึกษาจบใหม่ และมากกว่าครึ่งจ้างนักศึกษาฝึกงานเมื่อจบการศึกษาแล้วนั้น ขณะนี้องค์กรกำลังต้องการคนรุ่นใหม่กลุ่ม Gen-Z เข้าทำงาน เพราะเกิดในยุคดิจิทัล ซึ่งมีทักษะเท่าทันเทคโนโลยี มีความคิดสร้างสรรค์ และเงินเดือนเฉลี่ยในกลุ่มนี้ยังไม่สูงเกินไป

จากหน้าข่าวสื่อด้านธุรกิจของประเทศในอาเซียน อย่างสิงค์โปร์ และมาเลเซีย พบว่ามีกระแสที่องค์กรธุรกิจชั้นนำนิยมจ้างงานนิสิตจบใหม่มากกว่า 70% ของตำแหน่งงานที่เปิดรับ

“เด็กจบใหม่เป็นวัยที่เพิ่งเริ่มต้นสร้างชีวิตทำให้ค่าครองชีพยังไม่สูง อย่างการเริ่มทำงานที่แรกเงินเดือนอยู่ระหว่าง 15,000-25,000 บาท ก็พึงพอใจแล้ว และนอกจากนี้ ยังมีข้อได้เปรียบคือ เด็กรุ่นใหม่มีทักษะด้านดิจิทัล ด้านการเรียนรู้ และด้านการค้นคว้าข้อมูลที่ดีมาก ซึ่งโลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การแข่งขันในทุกธุรกิจก็สูง เวลาต้องติดตามเทคโนโลยี ใช้แอพพลิเคชั่น หรือจับกระแสเทรนด์ต่างๆ ซึ่งเด็กรุ่นใหม่ทำได้ดี ทั้งยังกล้าแสดงออก กล้าตั้งคิดคำถาม จึงมีส่วนช่วยให้องค์กรมีความทันสมัย สร้างการมีส่วนร่วม เสริมความสมดุลในการทำงาน และได้เติมพลังสดใสของวัยรุ่นเข้าไปในองค์กร” ดร.วริศ กล่าว

ดร.วริศ ลิ้มลาวัลย์

ดร.วริศกล่าวอีกว่า เมื่อมองคนรุ่นใหม่ในเชิงบวกว่าสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้องค์กรได้ สามารถช่วยพัฒนา และช่วยในเรื่องการจับกระแสโลกอนาคตต่อไปจากยุคนี้ได้ ซึ่งบันไดขั้นต่อมาคือการเข้าใจคนรุ่นใหม่ ผู้ประกอบการต้องรู้ว่าคนรุ่นใหม่ชอบระบบ Career Path ที่ชัดเจน ไม่ชอบเรื่องเส้นสาย หรือใครพวกใคร คนรุ่นใหม่ชอบวัดกันที่ฝีมือ ผลงาน และตัวชี้วัดแบบแฟร์ๆ ถ้าองค์กรมีความโปร่งใส ระบบการวัดผลดี ก็จะสามารถมัดใจคนรุ่นใหม่ให้อยู่กับองค์กรต่อไปได้

อย่างไรก็ตาม เด็กจบใหม่มักมองเรื่องคุณค่าในงานมาก และชอบหาโอกาสใหม่ๆ ที่ดีกว่าอยู่เสมอ ดังนั้น หากมีอะไรไม่ดี คนรุ่นใหม่จะไหลออกจากองค์กรทันที องค์กรที่ต้องการคนรุ่นใหม่เป็นพลังขับเคลื่อนพัฒนาต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารงานเพื่อดึงดูดใจเขาให้ได้

“ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา วงการโลจิสติกส์เปิดรับคนรุ่นใหม่เข้ามาจำนวนมาก พบว่าการสร้าง Engagement ให้อยู่กับองค์กร นับเป็นโจทย์ที่ท้าทาย เนื่องจากงานด้านโลจิสติกส์เป็นงานที่ต้องให้บริการต่อเนื่อง ต้องแม่นยำ ต้องใช้เวลา ต้องใช้ความตั้งใจ ทั้งงานวางแผน งานคลัง และงานขนส่ง การหาคนรุ่นใหม่เข้าไปในองค์กรจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ฉะนั้นแล้ว องค์กรธุรกิจจำเป็นต้องทำงานใกล้ชิดกับมหาวิทยาลัย เพื่อบ่มเพาะบัณฑิตป้ายแดงให้มีคุณสมบัติพร้อมใช้ และเข้าใจในธรรมชาติของสายงาน ในขณะที่องค์กรก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของคนรุ่นใหม่ หัวหน้างาน และคนรุ่นใหม่ ก็ต้องปรับตัวเข้าหากัน ซึ่งในระยะหลังองค์กรธุรกิจโดยเฉพาะด้านโลจิสติกส์ จึงจับมือกันออกแบบหลักสูตรให้ตรงกับความต้องการมากขึ้น มีพื้นที่พบปะคนรุ่นใหม่ผ่านโครงการสหกิจศึกษา และการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงาน หรือ CWIE รวมทั้ง นักศึกษาที่เป็นคนรุ่นใหม่เองได้เข้าไปปฏิบัติงาน และทำโครงงานในองค์กรธุรกิจจริงก่อนจบ ทำให้เรียนรู้ทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานในสายงาน ซึ่งเป็นประโยชน์มากต่อภาพรวมการจ้างงาน ทั้งในแง่ขององค์กรที่ได้แรงงานฝีมือดีในการผลักดันธุรกิจให้เติบโต และเด็กจบใหม่ที่กำลังก้าวเป็นแรงงานแห่งอนาคต” ดร.วริศ กล่าว

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ trans-mail.net

แทงบอล

Releated